วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปัญหาจากการใช้คอมพิวเตอร์

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทกับคนวัยทำงานเป็นอย่างมาก บางคนอาจจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์นานถึง ๘-๑๐ ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาปวดตาจากการเพ่งสายตา เคืองตาจากภาวะตาแห้ง และตามัวจากการเพ่งค้างของเลนส์ตา ซึ่งมีข้อแนะนำสำหรับการใช้คอมพิวเตอร์ดังนี้

            1. เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาปวดตาจากการเพ่งหรือตามัวจากการเพ่งสายตาค้าง ควรมีการหยุดพักสายตาทุก ๓๐ นาทีของการใช้คอมพิวเตอร์ โดยการมองไปบริเวณกว้างๆ เช่นนอกหน้าต่างอย่างน้อย ๓-๕ นาทีก่อนกลับมาทำงานกับคอมพิวเตอร์ใหม่ จะช่วยลดอาการปวดตาและตาพร่าได้
            2. เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเคืองตาจากตาแห้ง แนะนำให้หลีกเลี่ยงการนั่งใช้คอมพิวเตอร์บริเวณที่มีลมพัด ทั้งจากพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ และแนะนำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์กะพริบตาบ่อยๆ เมื่อรู้สึกเคืองตา หากอาการรุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมจะทำให้อาการเคืองตาดีขึ้นได้


 โรคต้อลมและต้อเนื้อ
            เกิดจากเยื่อบุตาขาวสัมผัสสิ่งระคายเคือง เช่น ลม ฝุ่นหรือแสงแดดจ้าๆ เป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการหนาตัวและอักเสบของเยื่อบุตาขาว ซึ่งหากมีการหนาตัวเฉพาะบริเวณตาขาว จะเรียกว่าโรคต้อลม ต่อมาหากอาการของโรครุนแรงมากขึ้น อาจลุกลามเข้าบริเวณตาดำจะเรียกว่าโรคต้อเนื้อ ซึ่งอาการของโรคต้อลมและโรคต้อเนื้อ คือ จะทำให้รู้สึกเคืองตา แสบตา ตาแดงบริเวณต้อเมื่อสัมผัสกับฝุ่น ลม หรือแสงแดดจ้าๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดการอักเสบของต้อแล้ว ยังทำให้ต้อลมและต้อเนื้อลุกลามมากขึ้น

            ดังนั้น ผู้ป่วยโรคต้อลมและต้อเนื้อ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น ลม และแสงจ้า นอกจากนั้นต้องไม่ซื้อยาหยอดตาจากร้านขายยามาหยอดตาเอง เพราะยาบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสตีรอยด์ซึ่งอาจทำให้ตาบอดจากโรคต้อหินแทรกซ้อนได้
 อุบัติเหตุกับดวงตา
            ดวงตาเป็นอวัยวะที่ต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี เพราะอุบัติเหตุอาจทำให้ต้องสูญเสียดวงตาไปตลอดชีวิต วิธีการป้องกันอุบัติเหตุต่อดวงตาที่พบได้บ่อยในวัยทำงานได้แก่

1. สิ่งแปลกปลอมปลิวหรือกระเด็นเข้าตา กรณีเป็นฝุ่นปลิวเข้าตา ห้ามใช้มือขยี้ตา เพราะจะทำให้ฝุ่นฝังแน่นในกระจกตา
            ดังนั้น เมื่อมีฝุ่นปลิวเข้าตา ให้หลับตากะพริบตา น้ำตาจะล้างฝุ่นออกจากตาได้ หรืออาจใช้การลืมตาในน้ำสะอาดก็มักทำให้ฝุ่นออกจากตาได้
            สำหรับกรณีสิ่งแปลกปลอมที่รุนแรงเข้าตา เช่น การตอกเศษตะปูกระเด็นเข้าตา หรือการถูกสารเคมีกระเด็นเข้าตา โดยทั่วไปในการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุต่อดวงตา ควรใส่อุปกรณ์ป้องกันตามมาตรฐาน แต่หากเกิดอุบัติเหตุต่อดวงตาแล้วควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที

2. อุบัติเหตุจากกระจกรถยนต์ เป็นสาเหตุอุบัติเหตุต่อดวงตาที่พบได้บ่อย เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หากผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จะมีโอกาสสูงที่ใบหน้าหรือดวงตาจะพุ่งไปกระทบกับกระจกหน้ารถ ทำให้กระจกรถบาดดวงตาทำให้ตาบอดได้
            ดังนั้น ทุกครั้งที่ขับขี่หรือนั่งโดยสารรถยนต์ ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ เพื่อป้องกันการถูกเศษกระจกรถบาดดวงตา ทำให้ตาบอดได้

ขอขอบคุณข้อมูลจากราชวิทยาลัยจักษุแพทย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น